เมนู

11-18. อรรถกถาอันตวาสูตรเป็นต้น

ถึงสูตรที่ 18



บทว่า อนฺตวา โลโก ความว่า ทิฏฐิที่เกิดขึ้นด้วยการยึดถือนั้น
หรือด้วยการตรึกว่า โลกคือนิมิตที่ขยายไปได้ด้านเดียว (มีที่สุด).
บทว่า อนนฺตวา ความว่า ทิฏฐิที่เกิดขึ้นด้วยการยึดถือนั้น
หรือด้วยการตรึกว่า โลกคือนิมิตที่กำหนดขนาดไม่ได้ ขยายไปทุกด้าน
(ไม่มีที่สิ้นสุด).
บทว่า ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ ได้แก่ ทิฏฐิที่เกิดขึ้นว่า ชีพกับสรีระเป็น
อย่างเดียวกัน.
บทที่เหลือในทุกแห่ง มีความหมายง่ายทั้งนั้นแล.
อีกอย่างหนึ่ง ไวยากรณะ เหล่านี้ มี 18 อย่าง ด้วยอำนาจ
โสตาปัตติมรรคก่อน นี้เป็นการถึงครั้งที่ 1.
จบ อรรถกถาโสตาปัตติวรรคที่ 1

ไวยากรณะ 18 จบบริบูรณ์

รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ



1. วาตสูตร 2. เอตังมมสูตร 3. โสอัตตสูตร 4. โนจเมสิยาสูตร
5. นัตถิทินนสูตร 6. กโรโตสูตร 7. เทตุสูตร 8. มหาทิฏฐิสูตร
9. สัสสตทิฏฐิสูตร 10. อสัสสตทิฏฐิสูตร 11. อันตวาสูตร 12. อนันตวา-
สูตร 12. ตังชีวังตังสรีรังสูตร 14. อัญญังชีวังอัญญังสรีรังสูตร
15. โหติตถาคตสูตร 16. นโหติตถาคตสูตร 17. โหติจนจโหติ-
ตถาคตสูตร 18. เนวโหตินนโหติตถาคตสูตร.

ทิฏฐิสังยุต



ทุติยเปยยาลที่ 2



1. วาตสูตร



[445] กรุงสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย เมื่ออะไรมีอยู่ เพราะถือมั่นอะไร เพราะยึดมั่นอะไร
จึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างนี้ว่า ลมย่อมไม่พัด แม่น้ำย่อมไม่ไหล สตรีมีครรภ์
ย่อมไม่คลอด พระจันทร์และพระอาทิตย์ย่อมไม่ขึ้น หรือไม่ตก
เป็นของตั้งอยู่มั่นคงดุจเสาระเนียด ?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมของ
ข้าพระองค์ทั้งหลาย มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นรากฐาน ฯลฯ.
ภิ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อรูปมีอยู่ เพราะถือมั่นรูป เพราะ
ยึดมั่นรูป จึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างนี้ว่า ลมย่อมไม่พัด ฯลฯ เป็นของตั้งอยู่มั่นคงดุจ
เสาระเนียด เมื่อเวทนามีอยู่ ฯลฯ เมื่อสัญญามีอยู่ ฯลฯ เมื่อสังขารมีอยู่
ฯลฯ เมื่อวิญญาณมีอยู่ เพราะถือมั่นวิญญาณ เพราะยึดมั่นวิญญาณ
จึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างนี้ว่า ลมย่อมไม่พัด ฯลฯ เป็นของตั้งอยู่มั่นคงดุจ
เสาระเนียด
[446] ภ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้น
เป็นไฉน รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง ?
ภิ. ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า ฯลฯ
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
เพราะไม่ถือมั่นสิ่งนั้น จะพึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างนี้ว่า ลมย่อมไม่พัด ฯลฯ
เป็นของตั้งอยู่มั่นคงดุจเสาระเนียด ใช่ไหม ?